โรคเอดส์ เอดส์คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งย่อมาจากคำว่า Human immunodeficiency virus จัดเป็นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส (Retro virus) โดยถือว่าเมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่สามของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจะเรียกว่าเป็นโรคเอดส์โดยสมบูรณ์แล้ว คำว่าเอดส์ (AIDS) เป็นชื่อโรคย่อมาจากคำว่า Acquired immunodeficiency syn drome มีความหมายกว้างๆว่า โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งไม่ได้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด โรคเอดส์เกิดได้อย่างไร? เอดส์ โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดต่อเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งระยะที่ 1 ของการติดเชื้อจะมีอาการเพียงเล็กน้อย ต่อมาระยะที่ 2 ซึ่งเรียกว่าระยะเรื้อรัง ซึ่งระยะที่ 2 นี้จะใช้เวลาประมาณ 7 - 10 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ระยะที่ 3 โดยทั่วไป ถือว่าเมื่อการติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งร่างกายจะมีอาการที่เกิดจากเชื้อเอชไอวีเอง จากโรคติดเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic infection) และ/หรือจากโรคมะ เร็ง จะเรียกว่าเป็นโรคเอดส์ เหตุผลที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสและโรคมะเร็งมากขึ้นในโรคเอดส์นั้นเป็นเพราะไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์นั้น ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันต้าน ทานโรคของร่างกายต่ำลง เนื่องจากเชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด ที-ลิมโฟซัยท์ที่มีซีดี 4 เป็นบวก (CD 4 positive T cell) และจะทำลายเซลล์ชนิดนี้ไปเรื่อยๆ เซลล์ชนิดนี้มีบทบาทสำคัญมากในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย ดังนั้น ร่างกายจะเสียความสามารถในการป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆอย่างรุนแรง ผลที่ตามมาคือ เกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสชนิดต่างๆซึ่งไม่ค่อยเป็นในคนปกติ เช่น เชื้อราในปอด และ/หรือในสมอง เป็นต้น นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งในผู้ป่วยมากขึ้น เพราะระบบภูมิคุ้มกันต้านทานได้สูญ เสียความสามารถในการเฝ้าระวังและการกำจัดเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นในร่างกาย เช่น โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) และโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่เรียกว่า คาโปซิซาร์โคมา (Kaposis sarcoma) อีกอย่างหนึ่งที่จะเกิดตามมาคือ อาการผิดปกติของสมอง เกิดจากการที่เชื้อไวรัสนี้เข้าไปอยู่ในเซลล์สมองชนิดที่เรียกว่าไมโครเกลีย (Microglia) ซึ่งเซลล์ชนิดนี้จะถูกไวรัสซึ่งเข้าไปอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ บังคับให้สร้างสารพิษชนิดต่างๆออกมาทำลายเซลล์สมองชนิดอื่นๆได้ การทำงานของสมองที่ผิดปกติไป จะสะท้อนออกมาเป็นอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ซึม ชัก เอะอะโวยวาย ความจำเสื่อม เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ความผิดปกติทางระบบประสาทเหตุเอชไอวี) นอกจากเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD 4 positive T cell แล้ว ไวรัสตัวนี้ยังสามารถเข้าไปอยู่ในเซลล์ชนิดอื่นๆของร่างกายได้อีก เช่น เซลล์ มาโครฟาจ (Macro phage) เดนไดรติคเซลล์ (Dendritic cell) ไมโครเกลียของสมอง (Microglia) และเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนซัยท์ (Monocyte) การระบาดของโรคเอดส์ โรคเอดส์ พบครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2524 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศที่เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมจากเชื้อนิวโมซิสติสคารินิไอ (Pneumo cystiscari nii) ผู้ที่สามารถแยกเชื้อไวรัสเอชไอวีได้เป็นคนแรก คือ ศาสตราจารย์โรเบิร์ต กาลโล (Robert Gallo) จากประเทศสหรัฐอเมริกาและศาสตราจารย์ลุค มอนทาเนียร์ (Luc Montagnier) จากประเทศฝรั่งเศส ส่วนในประเทศไทยนั้น ผู้ป่วยคนแรกเป็นชายอายุ 28 ปีเดินทางไปศึกษาที่ประ เทศสหรัฐอเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปีพุทธศักราช 2526 รักษาตัวขั้นแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยอาการปอดบวมจากเชื้อนิวโมซิสติสคารินิไอ และกลับมาเสียชีวิตที่ประเทศไทย ปัจจุบันเชื้อไวรัสเอชไอวีในประเทศไทยมีอย่างน้อย 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ B ซึ่งแพร่ระบาดในกลุ่มเกย์และผู้ที่ติดยาเสพติด อีกสายพันธุ์ได้แก่สายพันธุ์ E หรือ A/E ซึ่งแพร่ระบาดจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงทั่วไป ในปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในประเทศไทยหลายแสนคน ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อไวรัสจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย โรคเอดส์ HonestDocs https://www.honestdocs.co/aids-hiv-infection-and-prevention www.honestdocs.co
เข้าชม : 347
|